วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

บทความบทที่3

ำผัก น้ำผลไม้ คลายร้อน เสริมสุขภาพ

อากาศร้อน แสงแดดแผดเผา แบบทุกวันนี้ ถ้าได้เครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้วคงช่วยดับกระหาย คลายร้อนลงไปได้เยอะ และถ้าจะให้ดี เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้ก็ยิ่งแจ๋ว แม่สาลิกาไม่ได้กำลังโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลัง หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนะคะ แต่ที่จั่วหัวกันขึ้นมาวันนี้ จะมาคุยกันเรื่องน้ำผักผลไม้ เพื่อสุขภาพกันค่ะ เป็นที่รู้กันว่ากระแสสุขภาพมาแรง ในช่วงปีหลัง ๆ หลายคนหันมาดื่มเครื่องดื่มประเภทน้ำผักปั่น น้ำผลไม้ปั่น กันมากขึ้น นัยว่าดีกว่ากินน้ำหวานอัดลม หรือเครื่องดื่มบรรจุขวดที่วางขายกันทั่วไป (อุ่ย... คนทำงานบริษัทขายเครื่องดื่ม อย่าเพิ่งค้อนกันตาเขียวค่ะ ส่วนนั้นคือขายความสดชื่น และความสะดวกสบายค่ะ แหะ...แหะ)

แต่ที่ว่าดี ๆ กันนั้น แม่สาลิกาเชื่อว่าหลาย ๆ คนยังไม่รู้หรอกว่า เจ้าน้ำผักนั้นดียังไง มาเฉลยกันค่ะ

"ในน้ำผักมีฤกธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ที่มีคลอโรฟิลส์ (Chlorophyll สารสีเขียวในพืช) มีวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก โปแตสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส

เมื่อทานเข้าไป จะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ทำให้ร่างกายสร้างพลักงานในแต่ละเซลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลที่ได้น่ะหรือคะ ร่างกายสามารถสร้างเซลใหม่ทดแทนเซลเก่าที่ตายในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่ (ณ จุดที่ร่างกาย สามารถนำของเสียทิ้งได้ทั้งหมด)

ร่างกายต้องการค่า PH ในอาหารเท่ากับ 4 มีคลอโรฟิลส์ วิตามินเอ วิตามินซี ผนวกกับสารอาหารอีก 5 ชนิด พวกโปแตสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก

ค่า PH เป็นกรดเกินไป จะทำให้ร่างกายใช้แคลเซียมได้ยาก
ค่า PH เป็นกรดอ่อน ทำให้เกิดการใช้ไขมัน ทำให้ไขมันถูกย่อยสลายได้เร็ว
ค่า PH เป็นด่างเกินไป จะทำให้ร่างกายย่อยสลายไขมันได้น้อย

คนอ้วนมักมีไขมันค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ น้ำผักที่ PH 4 สำหรับคนที่อ้วนมาก หรือ PH 4-6 สำหรับคนทั่วไป จะเปลี่ยนไขมันเป็นโคเลสเตอรอล ไปเป็นไตรกลีเซอไรด์ และเป็นกลีเซอไรด์ในที่สุด ซึ่งร่างกายนำไปใช้ได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ น้ำผักเข้าไปกระตุ้น ให้ร่างกายย่อยไขมันที่เหลือตกค้างอยู่ ให้เปลี่ยนไปเป็นพลังงาน

นอกจากนั้นแล้ว น้ำผักยังให้สารอาหารที่จะเข้าไปฟื้นฟูตับและตับอ่อน ให้มีการหลั่งน้ำออกมา การย่อยคาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน ก็จะทำให้มากขึ้น

แหม! คุณประโยชน์สองข้อเลยทีเดียว ทั้งจัดการไขมันเก่า และป้องกันการสะสมไขมันใหม่อีกด้วย ว่าแล้วก็ลุกไปหาน้ำผัก น้ำผลไม้มาดื่มกันดีกว่าค่ะ

ขอบคุณ ข้อมูลดีๆ จากชมรมบ้านสุขภาพค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทความบทที่2

แพนด้าน้อยน้ำหนักขึ้นอีก45วันลืมตาได้

พล.อ.เลิศรัตน์ มั่นใจขอยืด”แพนด้าน้อย”อยู่ไทยได้มากกว่า 2 ปี ระบุควรส่งคืนก่อน 4 ปี เพื่อปล่อยไปหาคู่ป้องกันขึ้นคาน แถมช่วยขยายจำนวนแพนด้าสายพันธุ์ดี ไม่ให้สูญพันธุ์ ด้านสวนสัตว์ตะลึงแพนด้าน้อย ผ่าน 5 วัน โตวัย หู-ตาดำเร็วกว่าปกติ

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 31 พ.ค. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานกรรมาธิการวุฒิสภาการพลังงาน อดีตประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ ที่เป็นผู้ร่วมทีมเจรจากับจีนให้มอบแพนด้าช่วงช่วง หลินฮุ่ยมายังไทยในครั้งแรก เดินทางมาตรวจเยี่ยมแพนด้าน้อยที่ส่วนจัดแสดงแพนด้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่

โดยมีนายโสภณ ดำนุ้ย ผอ.องค์การสวนสัตว์ฯและนายณรงค์ศักดิ์ สุนทรวสุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีมิแนนท์แอร์(ประเทศไทย) จำกัด พร้อมทีมสัตว์แพทย์ผู้ดูแลแพนด้าพาเข้าไปตรวจเยี่ยมแพนด้าแม่ลูกภายในคอกเลี้ยง หลังการเข้าตรวจเยี่ยมแม่ลูกแพนด้าพล.อ.เลิศรัตน์ และคณะได้เปิดแถลงข่าวทั้งด้านสุขภาพและโครงการสืบเนื่องของแพนด้าต่อสื่อมวลชน

นายโสภณ กล่าวถึงสุขภาพของแพนด้าแม่ ลูกหลังคลอดเป็นวันที่ 5 ว่า หลินฮุ่ยกินอาหารได้ดีขึ้น โดยเฉพาะขนมปังไผ่และแอปเปิ้ล แต่ยังปฏิเสธไผ่และแครอท และตลอดคืนได้แสดงอาการปวดตามร่างกาย เจ้าหน้าที่ต้องช่วยนวดหลัง และขาให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลินฮุ่ยตอบรับด้วยการยื่นขาออกมาให้เจ้าหน้าที่นวด ส่วนแพนด้าน้อยนั้น ร้องส่งเสียงดังตลอดคืน

ส่วนความเปลี่ยนแปลงของแพนด้าน้อย ที่สังเกตเห็นคือ พัฒนาการที่เพิ่มขึ้น คือเริ่มปรากฏว่ามีขนสีดำที่บริเวณหูสองข้างเริ่มมีสีเทาขอบตาเริ่มดำจาง ๆ ซึ่งถือว่าแพนด้าน้อยของเราพัฒนาการได้เร็ว มีขนดำขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 ซึ่งตามปกติจะขึ้นขนสีดำในวันที่ 7 และเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนแพนด้าน้อยให้มาดูดนมที่เต้าด้านล่างของหลินฮุ่ยได้แล้ว

พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นแพนด้าน้อย ด้วยตัวเอง หลังจากรู้จักกับช่วงช่วงและหลินฮุ่ยเมื่อ 6 ปีที่แล้ว และได้มีโอกาสเดินทางไปจีนกับ ผอ.โสภณ ก่อนหน้าที่ช่วงช่วง และหลินฮุ่ย จะมาที่ไทยถึง 1 ปี โดยใช้เวลาเจรจานานถึง 2 ปีจึงได้แพนด้ามา

“การที่ประเทศจีนจะให้แพนด้ากับประเทศไหน นอกจากความสัมพันธ์ระดับรัฐมนตรีแล้ว ก็จะดูถึงบ้านที่แพนด้าจะมาอยู่ด้วย ว่าสถานที่นั้นจะสมฐานะหรือไม่ ” พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว

สำหรับคำถามที่คนสนใจมากคือ จะยื้อให้แพนด้าอยู่นานกว่าสัญญาได้หรือไม่นั้น ส่วนตัวคิดว่าการที่ประเทศไทยเลี้ยงดูแพนด้าคู่แรกอย่างสมเกียรติ ใส่ใจดูแลสุขภาพของเขาให้สมบูรณ์ ตลอดจนสามารถให้กำเนิดแพนด้าน้อย ออกมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งแสดงถึงการเลี้ยงดูอย่างดีนั้น ตนคิดว่าการที่จีนจะต่อสัญญาให้อีก 10 ปีไม่ใช่เรื่องที่ยากนักเพราะเราดูแลดี

สำหรับแพนด้าน้อยที่กำเนิดในประเทศต่าง ๆนั้น ที่ต้องส่งกลับตามสัญญาที่ให้ไว้กับจีนคือเมื่อครบ 2 ปีนั้น มีเหตุผลที่เหมาะสมคือ ต้องให้แพนด้าน้อย ไปจับคู่ผสมพันธุ์กับแพนด้าที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน- 1 ปี เพื่อให้ข้ามสายพันธุ์เป็นเหตุผลในการที่จะช่วยเพิ่มประชากรแพนด้า ที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกมีอยู่จำนวนน้อย เพราะหากปล่อยให้ผสมพันธ์กันในหมู่ญาติเดียวกัน ก็จะส่งผลต่อสุขภาพลูกที่เกิดใหม่ได้

พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า โดยความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้ว จีนน่าจะยืดอายุแพนด้าน้อยให้อยู่กับเราได้มากว่า 2 ปีอยู่แล้ว แต่จะเป็น 3 หรือ4 ปีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความเป็นจริงแล้ว ถ้าลูกแพนด้าอยู่ ที่ประเทศใดเกิน 3 ปี การที่จะไปสนิทสนมกับเจ้าบ่าวในอนาคตก็จะลำบาก เพราะอย่างกรณีของช่วงช่วง กับหลินฮุ่ยนั้น กว่าจะนำมาปล่อยเลี้ยงอยู่ด้วยกันจนเกิดความคุ้นเคย ยังต้องใช้เวลาปรับตัว จึงเป็นเหตุผลที่จีนแจ้งกับเราถ้าจะเก็บไว้เกิน 2 ปีจะทำให้โอกาสให้เขาไปหาคู่ได้ลดน้อยลง

ตรวจสุขภาพแพนด้าน้ำหนักขึ้น-อีก45วันลืมตา

ทีมสัตวแพทย์ไทยและนายเว่ย หมิง ผู้เชี่ยวชาญศูนย์เพาะพันธุ์หยาอัน เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ได้นำตัวแพนด้าน้อยไปตรวจสุขภาพภายในตู้อบ เมื่อช่วงเย็นวันนี้ พบว่าแพนด้าน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น จึงสามารถนำตัวตรวจสุขภาพไว้ในตู้อบได้นานกว่า 5 นาที

จากนั้นนายธนภัทร พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมทีมสัตวแพทย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจแพนด้าน้อย วันนี้ ลำตัว และหาง ยาวขึ้นอย่างละ 0.5 เซนติเมตร น้ำหนักเพิ่มเป็น 260 กรัม เพิ่มขึ้นมา 25 กรัมจากการชั่งสองวันก่อน ส่วนความยาวขาเท่าเดิมสุขภาพแข็งแรง ดิ้นแรงและร้องเสียงดัง สีใบหู รอบดวงตา ขาสี่ข้าง และปลายจมูก เริ่มมีสีเทาดำอย่างเห็นได้ชัด ถือว่ามีพัฒนาการเพิ่มขึ้นมาก

นายเว่ย หมิง กล่าวว่า ต้องถือว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอยู่ในปริมาณค่อนข้างมาก เรียกว่ามีพัฒนาการที่ดีกว่าแพนด้าน้อยทั่วไป ซึ่งน่าจะเป็นเพราะได้ดื่มนมแม่หมี ในปริมาณที่เพียงพอบวกกับน้ำหนักแรกเกิดที่มีมาก ซึ่งอีกประมาณ 45 วัน แพนด้าน้อยจึงจะลืมตา

นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทยกล่าวว่า แพนด้าน้อยทรงตัวดีขึ้นมาก ดิ้นตะกายแรงแสดงถึงสุขภาพที่ดี ตรวจร่างกายทั่วไปไม่พบร่องรอยการมีบาดแผลบาดเจ็บ

ในส่วนของผู้เข้าชมแพนด้านั้น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่จุดขายบัตรผ่านประตูเข้าชมแพนด้าพบว่า หลังแพนด้าน้อย ออกมาดูโลกภายนอกเป็นวันที่ 5 ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมจำนวนมาก โดยวันนี้ยอดผู้ชมมี 600 คน คิดเป็นมูลค่าการจำหน่ายบัตรประมาณ 32,000 บาทใกล้เคียงกับเมื่อวาน

รวมรูปหมีแพนด้าน้อย ลูกหลินฮุ่ย

ีรูปหมีแพนด้า ลูกหลินฮุ่ย

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทความที่ 1...


วันนี้ข้าพเจ้า นางสาวอโณทัย ฤาชา ได้ศึกษาวีธีการสร้างบล็อก